top of page

ความหมายและที่มาทางประวัติศาสตร์ของคำว่า "แม่หยัว"

  • SARUP Overseer
  • Nov 11, 2024
  • 1 min read

Updated: Apr 20

จากกระแสความนิยมของซีรีส์ “แม่หยัว” บนแพลตฟอร์ม Netflix ที่ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายในช่วงที่ผ่านมา หลายท่านอาจเกิดความสงสัยว่า แท้จริงแล้ว คำว่า “แม่หยัว” นั้นมีความหมายว่าอย่างไร และมีที่มาอย่างไรในบริบททางประวัติศาสตร์ของไทย


ในเชิงภาษาศาสตร์และประวัติศาสตร์ คำว่า “แม่หยัว” ถือเป็นคำที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในบริบทของราชสำนักไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา คำนี้มิได้เป็นเพียงคำเรียกขานธรรมดา แต่ยังสะท้อนถึงสถานะทางสังคม อำนาจ และบทบาทของสตรีในราชสำนักในอดีตอีกด้วย

ความหมายของแม่หยัว

ความหมายของคำว่า “แม่หยัว” ในบริบทราชสำนักไทย

ในอดีต “แม่หยัว” เป็นคำที่ใช้เรียก พระสนมเอก ซึ่งเป็นหญิงผู้ใกล้ชิดพระมหากษัตริย์ และมักจะหมายถึงพระสนมที่ทรงมีพระโอรส ซึ่งอาจได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทต่อไปในอนาคต

ด้วยเหตุนี้ สถานะของ “แม่หยัว” จึงไม่เพียงเป็นตำแหน่งในฐานะสนมของกษัตริย์เท่านั้น แต่ยังแฝงไว้ด้วยอำนาจและอิทธิพลทางการเมืองภายในราชสำนักอย่างมีนัยสำคัญ ในหลายกรณี "แม่หยัว" สามารถมีบทบาทเป็นที่ปรึกษา หรือผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินพระราชกิจบางประการได้


ที่มาของคำว่า “หยัว” และทฤษฎีทางภาษาศาสตร์

คำว่า “หยัว” นั้น ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดถึงที่มาทางภาษาศาสตร์โดยตรง อย่างไรก็ตาม นักวิชาการด้านภาษาไทยและประวัติศาสตร์ได้นำเสนอข้อสันนิษฐานหลากหลายประการ ดังนี้:

  1. ทฤษฎีที่หนึ่ง สันนิษฐานว่า คำว่า “หยัว” อาจเพี้ยนเสียงมาจากคำว่า “อยู่หัวเมือง” หรือ “แม่อยู่หัวเมือง” ซึ่งหมายถึง “ผู้ที่เป็นหลักของเมือง” หรือผู้ที่ดำรงตำแหน่งสำคัญในเขตปกครองหรือหัวเมืองนั้น ๆ เมื่อเวลาเปลี่ยนผ่าน คำนี้อาจถูกย่อให้กระชับลงจนกลายเป็น “แม่หยัว”

  2. ทฤษฎีที่สอง เสนอว่า คำว่า “หยัว” อาจกลายรูปมาจากคำว่า “แม่อยู่” ซึ่งหมายถึงผู้หญิงที่พำนักอยู่ หรือมีหน้าที่อยู่ประจำ ณ สถานที่หนึ่ง ๆ โดยในที่นี้คือพระราชวัง หรือราชสำนัก โดยมีการกลายเสียงทางภาษาจนเป็น “หยัว” หรือ “ยั่ว” ในเอกสารโบราณ

คำว่า หยัว แม่หยัว

หลักฐานทางประวัติศาสตร์และการใช้ในอดีต

จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เช่น เอกสารจดหมายเหตุ พงศาวดาร และวรรณกรรมในยุคอยุธยา มีการพบคำเรียกเช่น “แม่หยั่วเมือง”, “แม่อยั่วเมือง”, หรือในบางครั้งสะกดว่า “ยั่วเมือง” ซึ่งทั้งหมดล้วนใช้ในความหมายใกล้เคียงกัน เพื่อระบุถึงพระสนมเอกที่มีอำนาจและอิทธิพลในเมืองหลวง หรือในราชสำนัก

คำว่า “ยั่ว” หรือ “หยัว” ในที่นี้ จึงไม่ควรเข้าใจในความหมายของการ “ยั่วยวน” ตามความหมายในภาษาไทยปัจจุบัน แต่ควรตีความในความหมายของการ “ประจำอยู่” หรือ “อยู่ ณ สถานที่หนึ่งอย่างมั่นคง” ซึ่งสอดคล้องกับบริบทของตำแหน่งสตรีในราชสำนักที่มีหน้าที่และสถานะเป็นหนึ่งในเสาหลักของอาณาจักร


ดันั้นสุดท้ายแล้ว คำว่า “แม่หยัว” จึงเป็นคำที่สะท้อนถึงบทบาททางประวัติศาสตร์ของสตรีในราชสำนักไทย ซึ่งมีทั้งสถานะทางสังคม ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์ และอำนาจทางการเมืองในระดับสูง คำนี้ถือเป็นมรดกทางภาษาที่มีคุณค่า และควรได้รับการตีความอย่างลึกซึ้ง เพื่อเข้าใจโครงสร้างอำนาจและบทบาทของสตรีในอดีตอย่างถูกต้องและครบถ้วน


ที่มา

  1. ปรีชา พิณทอง. ศัพท์โบราณในราชสำนักไทย. กรุงเทพฯ: มติชน, 2549.

  2. จุลลดา ภักดีภูมินทร์. เบื้องหลังบัลลังก์สยาม. กรุงเทพฯ: แพรวสำนักพิมพ์, 2550.

  3. ประยูร พิศนาคะ. “ราชสำนักอยุธยาและบทบาทสตรี.” วารสารประวัติศาสตร์ไทย, ปีที่ 12 (2542): หน้า 121–138.

  4. สมชาย จิวะเจริญ. ที่มาของคำในภาษาไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2555.

  5. อานันท์ กาญจนพันธุ์. “แม่อยู่หัวเมือง: การเมืองสตรีในประวัติศาสตร์ไทย.” วารสารไทยศึกษา, ปีที่ 19 (2558): หน้า 65–87.

  6. สุจิตต์ วงษ์เทศ. กรุงศรีอยุธยา: ประวัติศาสตร์ฉบับประชาชน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มติชน, 2544.

  7. กาญจนา นาคนันทน์. “ศัพท์เฉพาะในเอกสารประวัติศาสตร์ไทย.” วารสารภาษาและวัฒนธรรม, ปีที่ 8 (2553): หน้า 45–59.

Comments


ติดต่อเรา
253 อาคาร 253 อโศก ชั้น 29
แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110
ติดต่อโฆษณา 084-691-6161

สรุปเรื่องเด่น

นโยบายความเป็นส่วนตัว

สรุปไปเรื่อย

นโยบายคุกกี้

สรุปไลฟ์

สรุปเกมมิ่ง

  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter

©2022 by Sarup.online Proudly created by Aktivist Group

bottom of page