วิธีดูแลตนเองไม่ให้เป็นโควิด
- SARUP Overseer
- Dec 1, 2019
- 1 min read
Updated: Apr 25
ในช่วงต้นปี 2020 โลกทั้งใบต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน เมื่อไวรัสชนิดใหม่ที่มีชื่อว่า ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วจากเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน สู่ทั่วทุกมุมโลก เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่เขย่าระบบสาธารณสุขโลก แต่ยังส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อเศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิตของผู้คนทุกระดับ

แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จะยังคงศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสนี้อย่างต่อเนื่อง แต่ข้อเท็จจริงหนึ่งที่ชัดเจนคือ การป้องกันตนเองอย่างถูกวิธี คือเกราะที่ดีที่สุด ในยุคที่วัคซีนและยารักษายังไม่พร้อมใช้งานในวงกว้าง การดูแลสุขภาพด้วยตนเองจึงกลายเป็นแนวปฏิบัติหลักของประชาชนทั่วโลก
1. การล้างมืออย่างถูกวิธี: แนวปฏิบัติพื้นฐานที่ทรงพลัง
หนึ่งในมาตรการที่องค์การอนามัยโลก (WHO) และกระทรวงสาธารณสุขของหลายประเทศแนะนำคือ การล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลที่มีความเข้มข้นไม่น้อยกว่า 70% การล้างมือควรใช้เวลาอย่างน้อย 20 วินาที โดยให้ครอบคลุมถึงฝ่ามือ หลังมือ ซอกนิ้ว และใต้เล็บ เนื่องจากจุดเหล่านี้คือที่สะสมของเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว
2. การใส่หน้ากากอนามัยอย่างต่อเนื่องเมื่อออกนอกบ้าน
ในปี 2020 การใส่หน้ากากไม่ได้เป็นเพียงวัฒนธรรมของประเทศในเอเชียอีกต่อไป แต่กลายเป็น ข้อกำหนดด้านสาธารณสุขระดับโลก หน้ากากอนามัยช่วยลดการแพร่กระจายของละอองฝอย (Droplets) ที่อาจมีเชื้อไวรัส COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใส่หน้ากากควรครอบทั้งจมูกและปาก และเปลี่ยนหน้ากากเมื่อชื้นหรือใช้เกิน 4 ชั่วโมง
3. เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)
มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ได้รับการยอมรับในวงการสาธารณสุข โดยให้เว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด การรวมตัวในที่ปิด และลดการสัมผัสทางกายภาพ เช่น การจับมือหรือกอด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อแบบไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ
4. การรักษาความสะอาดของพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย
ในชีวิตประจำวัน พื้นผิวต่าง ๆ เช่น ลูกบิดประตู โทรศัพท์มือถือ โต๊ะทำงาน หรือรีโมททีวี ล้วนเป็นแหล่งสะสมของเชื้อไวรัส การทำความสะอาดพื้นผิวเหล่านี้ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในครัวเรือนที่มีสมาชิกหลายคน หรือผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ จึงเป็นสิ่งจำเป็น
5. การหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
นิสัยการสัมผัสใบหน้า เช่น การขยี้ตา แคะจมูก หรือจับปาก เป็นพฤติกรรมที่หลายคนทำโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจเป็นทางผ่านของเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายโดยตรง การฝึกสติและลดพฤติกรรมเหล่านี้ลงคือการลดความเสี่ยงในการติดเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพ
6. การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยอาหารและการออกกำลังกาย
ในภาวะที่โลกยังไม่มีวัคซีน การส่งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วยตนเองถือเป็นสิ่งจำเป็น อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินดี สังกะสี และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้สด ปลาทะเล ถั่วและธัญพืช รวมถึงการออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที ล้วนเป็นแนวทางสำคัญในการเสริมสุขภาพ
7. การทำงานจากบ้าน (Work from Home) และการเรียนออนไลน์
ในช่วงที่การระบาดอยู่ในระดับสูง หลายประเทศประกาศนโยบายให้ประชาชนทำงานจากบ้านและให้นักเรียนเรียนออนไลน์เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อในสถานที่แออัด แม้มาตรการเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในหลายมิติ แต่ก็ถือเป็นการเสียสละเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม
8. การติดตามข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
ในยุคของข้อมูลข่าวสารล้นโลก ความสามารถในการแยกแยะข่าวจริง-ข่าวลวงคือทักษะที่จำเป็น การติดตามข่าวจากหน่วยงานทางการ เช่น กระทรวงสาธารณสุข, องค์การอนามัยโลก (WHO) และแหล่งข่าวที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว จะช่วยให้ประชาชนสามารถวางแผนการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที
9. ความสำคัญของสุขภาพจิตในภาวะวิกฤต
การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงกดดันทางจิตใจอย่างมหาศาล ความเครียด วิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า ล้วนเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน การหาเวลาพักผ่อน พูดคุยกับคนในครอบครัว หรือเข้าถึงบริการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาจึงเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2020 มนุษยชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ การรับผิดชอบต่อตนเองและต่อสังคมคือหัวใจสำคัญของการอยู่รอด การดูแลสุขภาพ การรักษาความสะอาด และการยึดถือแนวทางของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดคือ "เกราะป้องกัน" ที่มีค่าที่สุดในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเช่นนี้
การดูแลตนเอง ไม่ใช่เพียงเพื่อไม่ให้เป็นโควิด แต่เพื่อแสดงถึงความห่วงใยต่อคนรอบข้าง และเป็นการสานพลังเล็ก ๆ ให้กลายเป็นพลังใหญ่ที่สามารถหยุดยั้งการระบาดของไวรัสได้ในท้ายที่สุด
Comentarios