ทีมงานสรุป แจกสูตรการทำ “คั่วกลิ้ง” แบบเบสิก พร้อมเจาะลึกที่มา รสชาติ และต้นทุนต่อจานหากทำขาย
- SARUP Sage
- 15 hours ago
- 1 min read
“คั่วกลิ้ง” ไม่ใช่แค่อาหารใต้ แต่คืออัตลักษณ์ของรสเผ็ดร้อนแห่งวัฒนธรรมอาหารไทยอาหารใต้เป็นหนึ่งในรากวัฒนธรรมด้านอาหารของประเทศไทยที่โดดเด่นในเรื่องความเข้มข้น เผ็ดจัด และกลิ่นหอมของเครื่องเทศ ซึ่ง “คั่วกลิ้ง” (Kua Kling) คือหนึ่งในอาหารที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์นั้นได้อย่างชัดเจน แม้จะดูเรียบง่ายด้วยวัตถุดิบไม่กี่อย่าง แต่คั่วกลิ้งกลับมีรสชาติที่ทรงพลัง สะท้อนถึงรากของการปรุงอาหารจากภาคใต้โดยแท้จริง และในบทความนี้ ทีมงานสรุปจะพาผู้อ่านทุกท่านไปทำความรู้จักกับคั่วกลิ้ง ตั้งแต่ที่มา ประวัติศาสตร์ วัตถุดิบพื้นฐาน ไปจนถึงสูตรแบบดั้งเดิม พร้อมเจาะต้นทุนต่อจานหากใครต้องการนำไปต่อยอดเพื่อการค้า

ที่มาของ “คั่วกลิ้ง” : อาหารแห้งในพื้นที่ชื้น
คำว่า “คั่วกลิ้ง” ในภาษาใต้ดั้งเดิม หมายถึง “การคั่วไป คั่วมา” หรือ “คั่วแล้วกลิ้งในกระทะ” อาหารจานนี้ไม่มีน้ำ ไม่มีซุป และไม่มีการผัดกับน้ำมันมากนัก เป็นการนำเนื้อสัตว์บดละเอียดไปคั่วกับเครื่องแกงโดยตรงจนแห้ง กลิ่นฟุ้งทั่วครัว เป็นอาหารที่ถือกำเนิดในวิถีชีวิตของคนภาคใต้ที่ต้องการเก็บอาหารให้ได้นานและรับประทานได้สะดวก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่เส้นทางลำบากและอาหารสดมีจำกัด จากความต้องการในการถนอมอาหาร ทำให้ “คั่วกลิ้ง” มีลักษณะเด่นคือ รสชาติเผ็ดจัด เค็มชัด กลิ่นสมุนไพรชัดเจน และไม่มีน้ำเลยแม้แต่น้อย ต่างจาก “แกง” ที่มีน้ำซุปหรือเครื่องเทศเจือจาง
คั่วกลิ้งแบบดั้งเดิม: ไม่เน้นหรู แต่เน้นหนักเครื่อง
คั่วกลิ้งแบบดั้งเดิมของภาคใต้นั้น มักใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่น เช่น เนื้อหมูบด เนื้อวัวบด หรือไก่สับละเอียด ประกอบกับพริกแกงใต้ที่ตำเองจากเครื่องเทศสด ได้แก่ ข่า ตะไคร้ พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม ขมิ้น และพริกไทยดำ โดยไม่จำเป็นต้องใส่กะทิ ใบมะกรูดซอยจะถูกใส่ช่วงท้ายเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม โดยไม่มีน้ำตาลหรือเครื่องปรุงแต่งรสหวานแบบภาคกลาง เป็นรสชาติแบบดิบ เผ็ด จัด และเข้มข้น

สูตรคั่วกลิ้งหมูแบบเบสิก (สำหรับ 5 จาน)
วัตถุดิบพื้นฐาน
เนื้อหมูบดละเอียด 500 กรัม
พริกแกงใต้ 3 ช้อนโต๊ะ (ตำเองหรือซื้อแบบไม่ใส่กะปิ)
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ (เน้นแค่กันติดกระทะ)
ใบมะกรูดซอย 5 ใบ
เกลือป่น ½ ช้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันลงเล็กน้อย
ใส่พริกแกงใต้ลงไปผัดจนหอม
ใส่เนื้อหมูบดลงไป ผัดให้เข้ากับพริกแกงจนเนื้อร่วนและแห้ง
ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำปลา
เมื่อเนื้อแห้งและเข้มข้นดีแล้ว ใส่ใบมะกรูดซอย ผัดเร็ว ๆ แล้วปิดไฟ
เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ หรือแนมกับผักสดตามชอบ เช่น ถั่วฝักยาว แตงกวา กะหล่ำปลี
เคล็ดลับในการทำคั่วกลิ้งให้อร่อยแบบมืออาชีพ
พริกแกงต้องหอม: หากตำเอง ควรคั่วเครื่องเทศบางอย่างก่อน เช่น ข่า ตะไคร้ และพริก เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
ผัดให้แห้งจริง: คั่วกลิ้งที่ดีต้องไม่มีน้ำเลย เพื่อให้รสชาติเข้มข้น
อย่ากลัวเผ็ด: ความเผ็ดคือเสน่ห์ดั้งเดิมของคั่วกลิ้ง ควรใช้พริกตามสูตรพื้นบ้าน
ใบมะกรูดใส่ท้ายสุด: เพื่อไม่ให้ขม ควรใส่หลังปิดไฟหรือผัดเบา ๆ สุดท้ายก่อนยกลง
คั่วกลิ้งกับภูมิปัญญาอาหาร และบทบาทบนโต๊ะอาหารไทย
คั่วกลิ้งไม่ได้เป็นแค่อาหารจานหนึ่งในเมนูทั่วไป แต่เป็นอาหารที่สะท้อนถึงความสามารถในการปรุงด้วยทรัพยากรจำกัด และยังคงรสชาติที่เข้มข้น พอเพียง และมีความสุขในวิถีชาวบ้าน ในงานเลี้ยงภาคใต้หรือแม้กระทั่งโต๊ะข้าวตามบ้าน คั่วกลิ้งมักเป็นอาหารประจำถิ่นที่เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดี และคนแก่ยังซาบซึ้งในกลิ่นหอมของสมุนไพร นับว่าเป็นหนึ่งใน “comfort food” ที่ติดอยู่ในใจคนใต้มาอย่างยาวนาน
ต้นทุนโดยประมาณหากทำขาย: ต่อ 1 จาน
อิงราคาตลาดปี 2025 (เฉลี่ย ณ กรุงเทพฯ)
รายการวัตถุดิบ | ปริมาณต่อจาน | ราคาต่อหน่วย | ต้นทุนเฉลี่ย |
หมูบด | 100 กรัม | 140 บาท/กก. | 14 บาท |
พริกแกงใต้ | 1 ช้อนโต๊ะ | 200 บาท/กก. | 2 บาท |
น้ำปลา / เกลือ / น้ำมัน | - | รวม | 1 บาท |
ใบมะกรูด | 1 ใบ | 1 บาท/ใบ | 1 บาท |
รวมต้นทุนเฉลี่ย | - | - | 18 บาท |
หากขายในราคาจานละ 40-50 บาท จะได้กำไรต่อจานประมาณ 22-32 บาท ไม่รวมค่าแรงและค่าเช่าพื้นที่
คั่วกลิ้งคือศาสตร์แห่งความเผ็ดที่มีรากในภูมิปัญญา
ทีมงานสรุปหวังว่า บทความนี้จะช่วยให้คุณผู้อ่านไม่เพียงแค่ได้สูตรอาหารไปทดลองทำ แต่ยังได้เข้าใจถึงที่มา วัฒนธรรม และคุณค่าของคั่วกลิ้งในฐานะอาหารแห่งภาคใต้ที่โดดเด่นทั้งรสชาติและภูมิปัญญาอาหารไทย สำหรับใครที่อยากลองทำเพื่อบริโภคเองหรือพัฒนาเป็นสินค้าขายจริง คั่วกลิ้งยังคงเป็นเมนูที่ลงทุนต่ำ กำไรดี และมีความต้องการตลาดอย่างต่อเนื่อง
Comments