ทีมงานสรุปพาไปมู ที่เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ - ศูนย์รวมศรัทธาแห่งจักรวาลอินเดียโบราณใจกลางกรุงเทพฯ
- SARUP Pilgrim
- Feb 1, 2019
- 1 min read
Updated: Apr 25
ในโลกของความศรัทธาอันหลากหลาย ท่ามกลางมหานครที่แสนเร่งรีบอย่างกรุงเทพฯ มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณจากอดีตกาลซ่อนตัวอยู่กลางเมืองอย่างสงบเสงี่ยม นั่นคือ "เทวสถานโบสถ์พราหมณ์" หรือที่รู้จักในนาม "เทวสถานพระอิศวร สะพานพุทธ" สถานที่ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาของผู้เคารพบูชาเทพเจ้าฮินดูเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกทางจิตวิญญาณที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียโบราณอย่างลึกซึ้ง
เทวสถานคืออะไร? เข้าใจรากเหง้าก่อนก้าวย่าง
คำว่า "เทวสถาน" มาจากภาษาสันสกฤต แปลตรงตัวว่า "สถานที่ของเทพเจ้า" (เทวะ = เทพเจ้า + สถาน = สถานที่) ซึ่งในวัฒนธรรมอินเดีย เทวสถานมิได้เป็นเพียงศาสนสถาน แต่ยังเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาลและจิตวิญญาณ เป็นที่ซึ่งมนุษย์สามารถสื่อสารกับเทพเจ้าผ่านพิธีกรรม ศิลปะ และสถาปัตยกรรมที่สื่อความหมายลึกซึ้ง
ในประเทศไทย เทวสถานจึงเปรียบเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างความเชื่อดั้งเดิมของพราหมณ์-ฮินดูกับประเพณีไทย ไม่ว่าจะเป็นพิธีสำคัญของราชสำนัก การบวงสรวงเพื่อความเป็นสิริมงคล หรือการสักการะขอพรในชีวิตประจำวัน
ประวัติความเป็นมาของเทวสถานโบสถ์พราหมณ์: จากราชประเพณีสู่ศูนย์กลางศรัทธา
เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ตั้งอยู่บนถนนตรีเพชร ใกล้กับสะพานพุทธและศาลาเฉลิมกรุง สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นที่ประกอบพิธีกรรมพราหมณ์ในราชสำนัก สะท้อนถึงการผสมผสานอย่างกลมกลืนระหว่างพุทธศาสนาแบบเถรวาทกับศาสนาพราหมณ์-ฮินดูที่ฝังรากลึกในระบบราชการไทย
ในอดีต เทวสถานแห่งนี้ใช้สำหรับประกอบพิธีสำคัญ เช่น พิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา พิธีราชาภิเษก และพิธีกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นครองราชย์ของพระมหากษัตริย์ไทย ปัจจุบันแม้จะไม่มีการใช้ในราชพิธีแล้ว แต่เทวสถานยังคงเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าสำคัญอย่างพระอิศวร (ศิวะ) พระนารายณ์ พระพรหม พระพิฆเนศ และพระแม่อุมา โดยมีคณะพราหมณ์ดูแลและประกอบพิธีกรรมอย่างต่อเนื่อง
แผนที่และการเดินทาง
🗺️ ที่ตั้ง: เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200📍 พิกัด Google Maps: คลิกดูแผนที่
การเดินทาง:
รถไฟฟ้า BTS: ลงสถานีสะพานตากสิน ต่อเรือด่วนเจ้าพระยาไปท่าเรือราชินี เดินต่อประมาณ 800 เมตร
รถโดยสารประจำทาง: สาย 1, 7, 42, 82, 508
รถยนต์ส่วนตัว: จอดรถได้ที่ศาลาเฉลิมกรุงหรือบริเวณใกล้เคียง (แนะนำใช้ขนส่งสาธารณะในวันธรรมสวนะและวันสำคัญทางศาสนา)
เวลาทำการ
🕰️ เปิดให้สักการะทุกวันเวลา: 07.00 – 17.00 น.
📌 พิธีกรรมหลักจะจัดขึ้นช่วงเช้า (ประมาณ 09.00 น.) และช่วงบ่าย (ประมาณ 14.00 น.) ผู้ศรัทธาสามารถเข้าร่วมรับน้ำมนต์หรือบวงสรวงเทพได้ตามลำดับเวลา
ข้อแนะนำในการเยี่ยมชม
✅ แต่งกายสุภาพ หลีกเลี่ยงเสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้น หรือกระโปรงเหนือเข่า
✅ งดใช้เสียงดัง ถ่ายภาพในบริเวณประกอบพิธีด้วยความเคารพ
✅ หากประสงค์ทำพิธีส่วนตัว เช่น ตั้งศาล ขอพร เปิดเนตรเทพ ควรติดต่อล่วงหน้าที่สำนักงานพราหมณ์ภายในเทวสถาน
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ควรสักการะ
พระอิศวร (พระศิวะ) – เทพแห่งการทำลายและการสร้างใหม่ สัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนผ่านอย่างทรงพลัง
พระนารายณ์ – ผู้รักษาและคุ้มครองจักรวาล เป็นผู้มีพระเมตตาสูงสุด
พระพรหม – ผู้สร้าง ผู้ให้ปัญญาและความรู้
พระพิฆเนศ – เทพแห่งความสำเร็จและปัดเป่าอุปสรรค เป็นที่เคารพบูชาอย่างแพร่หลายทั้งในหมู่พ่อค้า นักเรียน และศิลปิน
พระแม่อุมา – เทวีแห่งพลังและการปกป้อง สัญลักษณ์ของความมั่นคงในครอบครัวและชีวิตคู่
การสักการะเทพเจ้าทั้ง 5 องค์นี้จึงมิใช่เพียงพิธีกรรม หากแต่เป็นการยอมรับและเชื่อมต่อกับพลังแห่งจักรวาลในรูปแบบต่าง ๆ
ทำไมเราควรมาสักการะที่นี่?
สถานที่เก่าแก่คู่ประวัติศาสตร์ราชสำนักไทย – เทวสถานแห่งนี้เป็นสถานที่จริงที่เชื่อมต่อความเชื่อพราหมณ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นบทเรียนประวัติศาสตร์ที่จับต้องได้
เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้โลกแห่งเทพฮินดู – การมาเยี่ยมชมที่นี่ช่วยให้ผู้ที่สนใจศาสนา พิธีกรรม และปรัชญาอินเดีย เข้าใจองค์ประกอบของจักรวาลในแบบฮินดูได้อย่างลึกซึ้ง
เป็นแหล่งพลังใจและศูนย์รวมศรัทธา – ไม่ว่าท่านจะมาเพื่อขอพรในเรื่องการงาน ความรัก การเรียน หรือสุขภาพ การได้เข้าร่วมพิธีบูชาที่ประกอบโดยพราหมณ์แท้ ๆ จะมอบความสงบใจและแรงบันดาลใจกลับไปเสมอ
มีการดูแลพิธีกรรมโดยพราหมณ์เชี่ยวชาญ – ผู้ที่ต้องการทำพิธีบวงสรวง การตั้งศาล หรือพิธีเบิกเนตรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะได้รับคำแนะนำที่เป็นระบบตามคัมภีร์วรรณะพราหมณ์แท้
เข้าถึงง่าย เดินทางสะดวกใจกลางเมือง – ด้วยทำเลที่ตั้งไม่ไกลจากย่านพาณิชย์สำคัญ ผู้คนสามารถแวะสักการะได้ง่ายในวันทำงานหรือวันหยุด
เรียนรู้ผ่านศิลปะและสถาปัตยกรรม
โครงสร้างของเทวสถานสะท้อนแบบแผนของวัดอินเดียใต้ มีการใช้สถาปัตยกรรมแบบดราวิเดียน (Dravidian Architecture) ที่ผสมผสานลวดลายเทพเจ้าต่าง ๆ ไว้อย่างประณีต หากสังเกตให้ดีจะพบว่าทุกจุด ทุกทิศ และทุกสีมีความหมายแฝงทางปรัชญาอย่างลึกซึ้ง เช่น ประตูทางเข้าอาจสื่อถึง “ทางเข้าสู่มิติใหม่” หรือ “ประตูสู่นิพพาน” ในขณะที่ยอดของเทวสถานก็เปรียบเสมือนยอดเขาไกรลาส ที่ประทับของพระศิวะ
สรุปส่งท้าย: การสักการะมิใช่เพียงศรัทธา แต่คือการศึกษา
สำหรับผู้ใฝ่รู้ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ไม่ใช่เพียงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หากแต่เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่มีชีวิต มีทั้งเรื่องราวของศาสนา ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม ปรัชญา และจิตวิญญาณ การมาเยือนที่นี่คือการเดินทางกลับสู่รากเหง้าทางจิตใจ และเชื่อมต่อกับคุณค่าทางวัฒนธรรมที่ยังคงส่งพลังมาถึงยุคปัจจุบัน
ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้แสวงหาความรู้ นักเรียนทางปรัชญา หรือเพียงต้องการที่พักใจกลางเมือง เทวสถานแห่งนี้ก็พร้อมเปิดประตูต้อนรับทุกคน...ด้วยความเงียบสงบที่เต็มไปด้วยพลัง
Comments