มือใหม่หัดทำครัวช่วงโควิด ตอน ไข่เจียว

“จากไข่ดิบสู่ไข่เจียวทองอร่าม เริ่มต้นในครัวได้แม้ไม่มีพื้นฐาน”

จากวิกฤติสู่โอกาส กับการหัดทำอาหารในยุคโรคระบาดช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา หลายคนต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจากที่บ้าน การเว้นระยะห่างทางสังคม หรือแม้แต่การหลีกเลี่ยงการทานอาหารนอกบ้าน สิ่งเหล่านี้ล้วนผลักดันให้ใครหลายคนต้องหันมาเรียนรู้ “ศิลปะแห่งการทำครัว” ด้วยตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่เคยแม้แต่จะหั่นผัก ล้างจาน หรือจับตะหลิวมาก่อนเลยสักครั้ง

ในสถานการณ์เช่นนี้ เมนูง่าย ๆ ที่ทั้งประหยัด อร่อย และใช้วัตถุดิบเพียงไม่กี่ชนิด จึงกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมู่ “มือใหม่หัดเข้าครัว” และ “ไข่เจียว” ก็เป็นหนึ่งในเมนูอันดับต้น ๆ ที่คนส่วนใหญ่เลือกเรียนรู้เป็นอย่างแรก เพราะแม้จะดูเรียบง่าย แต่หากเจียวอย่างมีเทคนิคแล้ว ก็สามารถกลายเป็นจานเด็ดที่น่าประทับใจได้ไม่แพ้อาหารระดับภัตตาคาร

“ไข่เจียว” – เมนูสามัญประจำบ้าน กับเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในความธรรมดา

ไข่เจียวไม่ใช่แค่อาหาร แต่คือรากฐานของความเป็นไทยในมื้อเร่งรีบ เมนูที่เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดี และทุกคนสามารถปรุงได้ด้วยงบประมาณไม่เกินสิบบาท วัตถุดิบหลักมีเพียง “ไข่ไก่” ซึ่งหาได้ง่ายในทุกครัวเรือน แต่การจะเจียวให้ “ฟู” “หอม” “กรอบนอกนุ่มใน” กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด

จึงไม่น่าแปลกใจว่า เมนูไข่เจียวของแต่ละบ้านจะมี “สูตรลับ” เฉพาะตัว บ้างใส่น้ำปลา บ้างใส่ซีอิ๊ว บ้างตีไข่แรง บ้างพักไว้ก่อนทอด ทุกองค์ประกอบล้วนมีผลต่อสัมผัสในปากและกลิ่นหอมยั่วยวนที่ลอยมาจากกระทะ

เตรียมตัวให้พร้อม: สิ่งที่ต้องมีสำหรับมือใหม่

ก่อนจะลงมือทำไข่เจียว ลองเช็คลิสต์กันก่อนว่าเรามีอุปกรณ์และวัตถุดิบครบหรือไม่ ดังนี้

อุปกรณ์จำเป็น

• ชามหรือถ้วยสำหรับตีไข่

• ตะกร้อมือ หรือส้อม

• กระทะ (แนะนำแบบเคลือบหรือ non-stick สำหรับมือใหม่)

• ตะหลิวไม้หรือพลาสติกทนความร้อน

• เตาไฟ (จะเป็นเตาแก๊สหรือเตาไฟฟ้าก็ได้)

วัตถุดิบพื้นฐาน (สูตรคลาสสิกที่สุด)

• ไข่ไก่ 2 ฟอง

• น้ำปลา 1/2 ช้อนชา

• น้ำมันพืช 3-4 ช้อนโต๊ะ (สำหรับทอด)

หมายเหตุ: สูตรนี้ไม่ใส่ผัก ไม่ใส่หมู เพื่อให้เน้นเรียนรู้เทคนิคเจียวพื้นฐานก่อน

ขั้นตอนพื้นฐาน: เจียวไข่ให้อร่อยใน 5 ขั้นตอน

1. ตอกไข่ให้มั่นใจ ไม่มีเปลือกปน

สำหรับมือใหม่ การตอกไข่ถือเป็นด่านแรกที่ท้าทาย ควรใช้ชามรองรับไข่แต่ละฟองก่อนรวมกัน เพื่อป้องกันไข่เสีย หรือเปลือกตกใส่ ค่อยรวมเมื่อตรวจสอบว่าไข่ดี

2. ตีไข่ให้ฟู เพื่อสัมผัสนุ่มในปาก

ใช้ส้อมหรือตะกร้อมือตีไข่เป็นวงกลมอย่างสม่ำเสมอประมาณ 30-40 วินาที จนไข่ขาวกับไข่แดงรวมเป็นเนื้อเดียวกัน และมีฟองอากาศเล็ก ๆ ขึ้นที่ผิวหน้า การตีไข่ให้ฟูจะช่วยให้ไข่เจียวมีเนื้อสัมผัสนุ่มฟู ไม่แข็งทื่อ

3. ปรุงรสพอดี อย่าให้กลบกลิ่นธรรมชาติของไข่

ใส่น้ำปลาประมาณ 1/2 ช้อนชา (หรือซีอิ๊วขาวหากไม่ชอบกลิ่นน้ำปลา) คนให้เข้ากัน อย่าใส่เยอะเกินไป เพราะจะทำให้ไข่เค็ม และกลบกลิ่นหอมธรรมชาติ

4. ตั้งกระทะให้น้ำมันร้อนจัด แต่ไม่ให้ควันขึ้น

รอให้น้ำมันร้อนก่อนใส่ไข่ การทดสอบสามารถทำได้ด้วยการหยอดไข่เล็กน้อยลงไป หากไข่เริ่มฟูและเด้งขึ้นทันที แสดงว่าน้ำมันพร้อมแล้ว การใส่ไข่ตอนน้ำมันยังไม่ร้อน จะทำให้ไข่ดูดน้ำมัน และเหนียวติดกระทะ

5. ทอดด้านละ 1-2 นาที พลิกให้สีเหลืองทองสวย

เมื่อเทไข่ลงไป อย่าพลิกทันที ให้รอจนขอบไข่เริ่มกรอบ แล้วจึงค่อยพลิกกลับด้านอย่างเบามือ ใช้เวลาอีก 1-2 นาที จึงตักขึ้นพักไว้บนกระดาษซับมัน พร้อมเสิร์ฟร้อน ๆ

เคล็ดลับเพิ่มเติม: ทำอย่างไรให้ไข่เจียวฟู กรอบ และไม่อมน้ำมัน

• เติมน้ำเย็น 1 ช้อนโต๊ะในไข่ก่อนตี: น้ำจะช่วยให้ไข่เจียวฟูเบา

• ใช้ไฟกลางค่อนไปทางแรง ไม่ใช่ไฟอ่อน: ไข่จะขึ้นฟู ไม่เหนียวหนึบ

• เลือกใช้น้ำมันปาล์มหรือคาโนลา: ทนความร้อนได้ดี ไม่มีกลิ่น

• หากกลัวน้ำมันกระเด็น: ปิดฝาหลังใส่ไข่ หรือเลือกใช้กระทะทรงสูง

จากไข่เจียวสู่ความมั่นใจ – จุดเริ่มต้นของการหัดทำครัว

ไข่เจียวอาจเป็นเพียงเมนูธรรมดาในสายตาคนทำอาหารเก่ง แต่สำหรับผู้เริ่มต้น มันคือบันไดขั้นแรกของการฝึกฝนวินัย ความอดทน และความคิดสร้างสรรค์ในครัว มันคือบทเรียนที่บอกเราว่า “ทุกคนทำอาหารได้” หากมีใจอยากเรียนรู้

และในห้วงเวลาที่ผู้คนต่างต้องอยู่กับบ้านมากขึ้น เราได้เห็นปรากฏการณ์ “คนไทยหัดเข้าครัว” ผ่านโซเชียลมีเดีย ตั้งแต่ไข่เจียวทรงเครื่อง ไปจนถึงเบเกอรี่แบบไม่ใช้เตาอบ ทั้งหมดนี้ล้วนเริ่มต้นจากเมนูที่ง่ายที่สุด – ไข่เจียวนั่นเอง

เรียนรู้จากจานเดียว สู่อาหารอีกมากมาย

ไข่เจียวคือเครื่องเตือนใจว่า “การทำอาหารไม่ใช่เรื่องยาก” และทุกคนมีศักยภาพที่จะปรุงจานอร่อยได้ด้วยตัวเอง บางครั้งการเริ่มจากสิ่งเล็กน้อยอย่างการตีไข่หนึ่งฟอง อาจนำไปสู่ความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต

ไม่แน่ว่า จากเมนูไข่เจียวในวันนี้ วันหนึ่งคุณอาจเป็นเจ้าของสูตรข้าวผัดหมูระดับโลกในวันข้างหน้า เพราะทุกเชฟก็เคยเป็น “มือใหม่หัดทำครัว” มาก่อนเสมอ