ที่มาของชื่อเดือนในภาษาอังกฤษที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
- SARUP Overseer
- Jul 1, 2018
- 2 min read
Updated: Apr 25
ปฏิทินไม่ใช่เพียงเครื่องมือบอกวันเวลาเท่านั้น หากแต่เป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกในสังคมมนุษย์มายาวนานหลายพันปี ในแต่ละชื่อเดือนที่เราคุ้นชิน เช่น “January”, “February” หรือ “December” แฝงไว้ซึ่งเรื่องเล่า ความเชื่อ ตำนาน และตัวตนของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอารยธรรมโรมันและกรีกซึ่งมีอิทธิพลต่อโลกตะวันตกอย่างลึกซึ้ง

ชื่อเดือนในปฏิทินเกรกอเรียน (Gregorian Calendar) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน มีที่มาจากภาษาละตินเป็นหลัก และหลายชื่อได้รับแรงบันดาลใจจากเทพเจ้า เทพี และบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะในยุคโรมันโบราณ
ลองหยุดสังเกตสักนิดว่า ชื่อเดือนที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้มี “ความหมาย” และ “ความเป็นมา” ที่น่าสนใจเพียงใด แล้วคุณจะพบว่าเวลาไม่ได้แค่เดินไปข้างหน้าเท่านั้น แต่มันยังย้อนกลับมาสะท้อนอดีตอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ
1. January - มกราคม: เทพเจ้าผู้มองสองทิศ
เดือนแรกของปีได้รับการตั้งชื่อตามเทพเจ้า Janus ในตำนานโรมัน ผู้มีสองใบหน้า—หนึ่งหันไปทางอดีต อีกหนึ่งหันไปข้างหน้า เป็นเทพแห่งการเริ่มต้นและการเปลี่ยนแปลง Janus มักถูกบูชาในประตูเมืองและประตูบ้าน เพื่อเป็นผู้ปกปักรักษา และนำพาเข้าสู่การเริ่มต้นครั้งใหม่อย่างปลอดภัย
การเลือก Janus มาเป็นสัญลักษณ์ของเดือนแรกของปีจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการสื่อสารถึงการก้าวผ่านจากปีเก่าสู่ปีใหม่ ด้วยความหวังและการมองไปข้างหน้าอย่างมีสติ
2. February - กุมภาพันธ์: พิธีชำระล้างแห่งโรม
คำว่า February มีรากศัพท์มาจากคำว่า Februum ซึ่งหมายถึงการชำระล้างหรือพิธีล้างบาป ในยุคโรมันโบราณจะมีเทศกาล Lupercalia ซึ่งจัดขึ้นกลางเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อชำระจิตใจและร่างกายให้บริสุทธิ์ โดยมีพิธีกรรมที่น่าสนใจ เช่น การฟาดด้วยแส้จากหนังแพะ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้หญิงสาวมีลูกง่ายและมีสุขภาพดี แม้พิธีกรรมจะดูแปลกในสายตาคนยุคใหม่ แต่เทศกาลนี้ถือเป็นรากฐานของแนวคิด “ความรัก” และ “ความบริสุทธิ์” ที่ต่อมาถูกแปลงเป็น วันวาเลนไทน์ ในยุคคริสต์ศาสนา
3. March - มีนาคม: เดือนแห่งเทพเจ้าแห่งสงคราม
ชื่อเดือนนี้มาจากเทพเจ้า Mars เทพแห่งสงครามของโรมัน ซึ่งตรงกับเทพ Ares ของกรีกโบราณ เดิมทีเดือนมีนาคมเป็นเดือนแรกของปีในปฏิทินโรมัน เพราะเป็นช่วงที่ฤดูหนาวสิ้นสุด และสามารถเริ่มต้นการทำศึกสงครามได้ Mars ไม่ใช่แค่เทพแห่งความรุนแรง แต่ยังหมายถึง “พลัง” และ “การเริ่มต้น” เพราะในฤดูใบไม้ผลิ สิ่งมีชีวิตต่างเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

4. April - เมษายน: ดอกไม้บานในสายลม
April มาจากคำในภาษาละตินว่า aperire ซึ่งแปลว่า “เปิด” หรือ “ผลิบาน” เดือนนี้เป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติเริ่มฟื้นคืน—ดอกไม้บาน ต้นไม้ผลิดอกใบ และผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านอีกครั้ง นักวิชาการบางกลุ่มเชื่อว่าเดือนนี้อาจเชื่อมโยงกับเทพี Aphrodite หรือ Venus เทพีแห่งความรัก ความงาม และความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งสอดคล้องกับพลังชีวิตใหม่ในช่วงเดือนเมษายน

5. May - พฤษภาคม: เดือนของเทพีแห่งการเจริญเติบโต
เดือนพฤษภาคมถูกตั้งชื่อตามเทพี Maia เทพีแห่งความเจริญเติบโตและฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นแม่ของเทพ Hermes ตามตำนานกรีก ในสมัยโรมันมีการเฉลิมฉลองชื่อ “Maiuma” เพื่อถวายแด่ Maia โดยเฉพาะพฤษภาคมจึงเป็นเดือนแห่งการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ สัตว์ หรือแม้แต่มนุษย์ ผู้คนในยุโรปยังถือเป็นช่วงเวลาของ “งานแต่ง” และ “การหว่านเมล็ด” ซึ่งสอดคล้องกับฤดูการเกษตรของพวกเขา
6. June - มิถุนายน: เทพีแห่งครอบครัว
June มาจากเทพี Juno ราชินีแห่งเทพเจ้าในตำนานโรมัน ผู้เป็นภริยาของ Jupiter และเทพีผู้ปกป้องสตรี การแต่งงาน และครอบครัว ชาวโรมันเชื่อว่าแต่งงานในเดือนนี้จะได้รับพรจาก Juno ให้มีชีวิตรักมั่นคง ไม่แปลกเลยที่ “เดือนมิถุนายน” ยังคงเป็นเดือนยอดนิยมสำหรับการแต่งงานในโลกตะวันตก

7. July - กรกฎาคม: เกียรติยศของผู้นำ
เดิมชื่อเดือนนี้คือ Quintilis แปลว่า “เดือนที่ห้า” ในภาษาละติน แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น “July” เพื่อเป็นเกียรติแก่ Julius Caesar ผู้นำที่มีบทบาทสำคัญในการจัดระเบียบปฏิทินแบบ Julian ซึ่งเป็นต้นแบบของปฏิทินที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน Caesar ไม่เพียงเป็นผู้นำทหารผู้ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นนักปฏิรูปปฏิทินที่เปลี่ยนวิธีนับวันเวลาให้แม่นยำยิ่งขึ้น และส่งผลถึงโลกตะวันตกในเวลาต่อมา
8. August - สิงหาคม: องค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่
เช่นเดียวกับเดือนกรกฎาคม เดิมเดือนนี้ชื่อ Sextilis ซึ่งแปลว่า “เดือนที่หก” ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็น “August” เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่ จักรพรรดิออกุสตุส (Augustus Caesar) ผู้สืบสานจักรวรรดิโรมันต่อจาก Julius Caesar

Augustus ได้รับความเคารพว่าเป็นผู้ก่อตั้ง “สันติภาพโรมัน” (Pax Romana) ซึ่งเป็นยุคทองแห่งสันติสุขและความมั่งคั่งที่ยาวนานถึง 200 ปีในจักรวรรดิโรมัน
9. September - กันยายน: เดือนที่เจ็ดในอดีต
ชื่อ September มาจาก septem ในภาษาละติน แปลว่า “เจ็ด” เพราะเคยเป็นเดือนที่เจ็ดในปฏิทินโรมันก่อนมีการเพิ่มเดือน January และ February เข้ามา แม้จะขยับลำดับเดือน แต่ชื่อก็ยังคงอยู่ เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของวิธีที่ประวัติศาสตร์หลอมรวมเข้ากับชีวิตประจำวันอย่างแนบเนียน
10. October - ตุลาคม: แปดในนาม สิบในปฏิทิน
October มีรากศัพท์จาก octo แปลว่า “แปด” ในละติน เป็นเดือนที่แปดในปฏิทินโบราณ แต่ยังคงชื่อเดิมแม้จะกลายเป็นเดือนที่สิบในปฏิทินใหม่ เป็นหลักฐานของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในสังคมมนุษย์ที่ยังเคารพอดีต
11. November - พฤศจิกายน: เดือนที่เก้าในตำนาน
ชื่อ November มาจาก novem หรือ “เก้า” เช่นเดียวกับ October ชื่อนี้บอกถึงลำดับในอดีต เป็นสิ่งเตือนใจว่าเวลาไม่เพียงแต่เดินหน้า แต่ยังหอบหิ้วอดีตมาด้วยเสมอ
12. December - ธันวาคม: สิบเต็มสิบ
December มาจากคำว่า decem ซึ่งแปลว่า “สิบ” เป็นเดือนสุดท้ายของปีตามปฏิทินเก่า และยังคงชื่อดังเดิมแม้จะกลายเป็นเดือนที่สิบสองไปแล้ว เดือนนี้เป็นเดือนแห่งการสิ้นสุด การเฉลิมฉลอง และการสะท้อนตนเองก่อนจะเริ่มต้นใหม่ในเดือน Janus อีกครั้ง
ปฏิทินที่มากกว่าแค่วันเวลา
ชื่อเดือนทั้ง 12 เดือนที่เราใช้ในปัจจุบันไม่ใช่เพียงตัวอักษรที่พิมพ์ลงบนกระดาษหรือแสดงบนหน้าจอมือถือ แต่เป็นประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องเล่า เป็นตำนาน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เมื่อเรารู้ที่มาของแต่ละชื่อเดือน เราจะเริ่มเข้าใจว่า เวลาไม่ใช่แค่เส้นตรงที่พุ่งไปข้างหน้า หากแต่เป็นวงกลมแห่งวัฒนธรรมที่เวียนวนในแต่ละปี และในทุกเดือน ก็มีเรื่องราวรอให้เราค้นพบ...ตลอดไป
Comments