กำเนิดพญาครุฑและพญานาค
- Thanakrit iamborwornkun
- Sep 5, 2024
- 1 min read

เรื่องราวของพญาครุฑและพญานาคเป็นตำนานที่เล่าขานกันมายาวนานในหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับความเชื่อเรื่องเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราจะเริ่มด้วยการสำรวจที่มาของทั้งสองฝ่าย ตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ครุฑและนาคมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง
ทั้งพญาครุฑและพญานาคเป็นบุตรของฤาษีกัศยปะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสัปตฤาษีผู้ยิ่งใหญ่ และเกิดจากมารดาสองคนที่เป็นพี่น้องกัน คือ นางวินตาและนางกัทรุ นางวินตาผู้พี่ขอพรให้มีบุตรสองคนที่ทรงอิทธิฤทธิ์เหนือกว่าใคร ขณะที่นางกัทรุขอพรให้มีบุตรจำนวนมาก โดยทั้งหมดสามารถแปลงกายได้ตามใจปรารถนา ผลจากพรนี้ทำให้นางกัทรุให้กำเนิดเหล่านาคถึงหนึ่งพันตัว ส่วนวินตาให้กำเนิดไข่สองฟอง
เวลาผ่านไปกว่า 500 ปี ไข่ของนางวินตายังไม่ฟัก นางจึงแกะไข่ฟองแรกด้วยความอยากรู้ ผลคือได้ลูกชายที่ร่างกายท่อนบนสมบูรณ์ แต่ไม่มีแขนขาท่อนล่าง เด็กคนนี้ชื่อพระอรุณ ด้วยความโกรธที่มารดาไม่อดทน พระอรุณจึงสาปให้นางวินตาต้องตกเป็นทาสของนางกัทรุและเหล่านาคจนกว่าลูกในไข่อีกฟองจะฟักและช่วยนางได้ พระอรุณต่อมาได้กลายเป็นเทพสารถีของพระอาทิตย์ ทำหน้าที่ชักรถศึกทุกวัน
เวลาล่วงเลยไปจนถึงวันที่ไข่ฟองที่สองของนางวินตาฟักออก เด็กในไข่นั้นมีลักษณะพิเศษ คือร่างกายครึ่งนกครึ่งคน และมีขนาดใหญ่โตจรดท้องฟ้า ด้วยอิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ พญาครุฑแรกเกิดก็สำแดงฤทธา บินสูงจนบดบังแสงอาทิตย์ กัศยปะฤาษีผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ครุฑไปช่วยปลดปล่อยแม่จากการเป็นทาสของนางกัทรุและเหล่านาค
เมื่อพญาครุฑไปถึงยังบาดาลที่เหล่านาคอาศัยอยู่ เขาได้เจรจาขอให้ปล่อยตัวมารดา แต่เหล่านาคยื่นเงื่อนไขว่า จะปล่อยนางวินตาได้ก็ต่อเมื่อพญาครุฑนำน้ำอมฤตจากสวรรค์มาให้ พญาครุฑยอมรับเงื่อนไขและเริ่มต้นการเดินทางเพื่อแสวงหาน้ำอมฤต
การเดินทางสู่สวรรค์ของพญาครุฑ
ระหว่างทาง พญาครุฑได้พบอุปสรรคมากมาย เช่น การต่อสู้กับช้างและเต่าขนาดยักษ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความท้าทายและการเอาชนะความหิวโหย แม้ในช่วงเวลาที่ลำบากที่สุด ครุฑยังแสดงความเมตตาต่อพราหมณ์ผู้บำเพ็ญเพียร และได้รับพรให้มีพละกำลังมหาศาล ทำให้ไม่มีใครสามารถต้านทานได้
เมื่อพญาครุฑมาถึงสวรรค์ เขาเผชิญกับการป้องกันของเหล่าเทพ รวมถึงพระอินทร์ที่พยายามหยุดยั้ง แต่พลังของครุฑนั้นยิ่งใหญ่ แม้กระทั่งสายฟ้าของพระอินทร์ก็ไม่อาจทำร้ายเขาได้ สุดท้ายพญาครุฑสามารถผ่านด่านต่างๆ และนำน้ำอมฤตออกมาได้สำเร็จ
ความสัมพันธ์ระหว่างพญาครุฑและพญานาค
พญาครุฑและพญานาคมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและซับซ้อน บางครั้งเป็นศัตรู บางครั้งต้องร่วมมือกันเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่กว่า
ในเหตุการณ์ที่พญาครุฑนำน้ำอมฤตมาปลดปล่อยมารดาจากเหล่านาค พระนารายณ์ปรากฏตัวและเข้าต่อสู้กับครุฑ ทั้งสองฝ่ายมีพลังมหาศาลจนไม่มีใครพ่ายแพ้หรือชนะ การต่อสู้จบลงด้วยข้อตกลงสำคัญ ครุฑขอพรจากพระนารายณ์ให้ตนเป็นอมตะโดยไม่ต้องดื่มน้ำอมฤต และยังได้รับสิทธิ์จับเหล่านาคกินเป็นอาหาร ในขณะเดียวกัน ครุฑก็ยอมรับที่จะเป็นเทพพาหนะของพระนารายณ์ นับแต่นั้นมา ครุฑได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังและการคุ้มครอง พญาครุฑต้องต่อสู้กับพญานาคในบาดาลก่อนจะได้รับเงื่อนไขให้นำอมฤตมาแลกมารดา แม้พญาครุฑจะมีอำนาจมากกว่า แต่ก็ไม่ใช้ความรุนแรงเกินจำเป็น
อย่างไรก็ตาม เมื่อพระนารายณ์มอบพรให้พญาครุฑเป็นอมตะและได้สิทธิ์จับนาคกินเป็นอาหาร ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายจึงเปลี่ยนไป นาคต้องหลีกหนีจากครุฑ แต่บางตำนานยังเล่าว่า นาคบางตนใช้ความเฉลียวฉลาดหลบหลีก และบางครั้งก็มีพันธมิตรกับพญาครุฑในการเผชิญหน้ากับภัยใหญ่หลวง
ท้ายที่สุด
หลังจากปลดปล่อยนางวินตา พญาครุฑและพญานาคยังคงมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน บางครั้งเป็นมิตร บางครั้งเป็นศัตรู ตำนานเหล่านี้สะท้อนถึงความสมดุลระหว่างความดีและความชั่ว และแสดงถึงความสำคัญของหน้าที่และความกตัญญู
ในประเทศไทย พญาครุฑกลายเป็นสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์และตราแผ่นดิน โดยเฉพาะ "ครุฑพ่าห์" ที่ปรากฏบนธงราชการและสถานที่สำคัญต่างๆ ส่วนพญานาคถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์และเชื่อมโยงกับแม่น้ำโขง ซึ่งมีความสำคัญในชีวิตของผู้คนในภูมิภาคนี้
สามารถติดตามแฟนเพจของพวกเราได้ที่ - https://www.facebook.com/sarup.sunsun/
Коментарі